ย้อนรอย 8 ปีคดี “ บอส อยู่วิทยา ”

เป็นอีกข่าวดังที่ทำให้สังคมออนไลน์ลุกเป็นไฟอยู่ตอนนี้ ทำให้เราอยากที่จะ ย้อนรอย 8 ปีคดี “ บอส อยู่วิทยา ” ให้ทุกคนได้รู้ว่าจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เริ่มมายังไง ? เพราะข่าวนี้เป็นข่าวดังที่สื่อดังประเทศได้ทำการลงข่าวกันเลยทีเดียว
ย้อนรอย 8 ปีคดี “ บอส อยู่วิทยา ”
“ บอส ” หรือ วรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทตระกูลดังผู้ก่อตั้งแบรนด์เครื่องดื่ม “ กระทิงแดง ” คดีนี้เริ่มจากอุบัติเหตุบนท้องถนนเมื่อคืนวันที่ 3 ก.ย. 2555 บนถนนสุขุมวิท กรุงเทพมหานคร
3 ก.ย. 2555
นายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดง หลานของนายเฉลียว อยู่วิทยา ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องดื่มกระทิงแดง อาณาจักรธุรกิจยักษ์ใหญ่ระดับโลก ถูกกล่าวหาขับรถเฟอร์รารีสีดำชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ ซึ่งกำลังขับขี่จักรยานยนต์ใน กทม. จนเสียเสียชีวิตแล้วหลบหนีไปจากจุดเกิดเหตุ
ตำรวจระดับสารวัตรป้องกันปราบปราม สน.ทองหล่อ ในขณะนั้น นำตัว “ คนดูแลรถ ” ในบ้านอยู่วิทยามามอบตัว โดยระบุว่าเป็นคนขับรถชนตำรวจตาย แต่มีพยานเห็นเหตุการณ์หลายคน และไม่มีใครเชื่อว่า คนดูแลรถเป็นคนขับรถสปอร์ตคันหรูตัวจริง
“ บิ๊กแจ๊ส ” หรือ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ในขณะนั้น เข้าไปเจรจากดดันให้ผู้ต้องหาตัวจริงมอบตัว ในที่สุด “ บอส ” วรยุทธ อยู่วิทยา จึงรับสารภาพว่า เป็นคนขับรถชนคนตำรวจตาย
24 ก.ค. 2563
สื่อต่างประเทศ อาทิ ซีเอ็นเอ็น และรอยเตอร์ รายงานว่า นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส หลานของนายเฉลียว อยู่วิทยา ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องดื่มกระทิงแดง อาณาจักรธุรกิจยักษ์ใหญ่ระดับโลก รอดพ้นคดีขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงแก่ความตายเมื่อปี 2555 แล้ว หลังจากที่อัยการสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหา
พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผกก. สน. ทองหล่อ ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็น ว่า ได้รับแจ้งจากอัยการถึงการตัดสินใจสุดท้าย เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ว่า จะไม่สั่งฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส จึงได้แจ้งไปทางนายวรยุทธแล้ว และได้ยกเลิกหมายจับแล้วเช่นกัน
หลังจากที่มีข่าวออกมาว่าบอส อยู่วิทยา หลุดพ้นทุกข้อกล่าวหาก็ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นในสังคมออนไลน์มากมาย
25 ก.ค. 2563
วันนี้นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ( คปต. ) ทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้ตรวจสอบและลงโทษกับผู้กระทำความผิดที่ช่วยเหลือนายวรยุทธ อยู่วิทยา ไม่ให้ได้รับโทษตามกฏหมาย เนื้อหาระบุว่า
จากกรณีเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 นายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ได้ขับรถยนต์เฟอร์รารี่ทะเบียน ญญ 1111 กรุงเทพมหานคร ชนดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ ที่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 49 แต่ไม่หยุดรถเป็นเหตุให้ลากร่างดาบวิเชียรไปประมาณ 200 เมตรจนถึงแก่ความตายอย่างทรมาน
ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้แจ้งข้อหานายวรยุทธรวม 4 ข้อหา คือ (1) ขับรถเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด (2) เกิดอุบัติเหตุแล้วไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ (3) ขับรถในขณะมึนเมา และ (4) ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยความผิดตาม (1)-(2) มีอายุความ 1 ปี ส่วนความผิดตาม (3) มีอายุความ 5 ปี ซึ่งขาดอายุความไปแล้วตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2560 คงเหลือคดีประมาทเป็นเหตุให้คนตายซึ่งจะขาดอายุความในวันที่ 3 กันยายน 2570
คดีนี้ มีการวางแผนเพื่อช่วยเหลือผู้กระทำความผิดอย่างเป็นระบบมาโดยตลอด โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงานให้ความร่วมมือ เริ่มจากตำรวจเชื่อผู้กระทำความผิดอย่างง่ายดาย โดยเขาอ้างว่าขณะขับรถไม่ได้เมาสุรา ( ไม่เมาแล้วอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่รู้สึกว่าขับรถชนผู้ใดได้อย่างไร
และที่ตำรวจตรวจพบแอลกอฮอล์ในตัวเขาเนื่องจาก เมื่อกลับมาถึงบ้านเขาได้เอาเหล้าของพ่อมาดื่มจนเมา คือเมาตอนเช้าหลังขับรถชนตำรวจตาย ) นอกจากนี้มีการนำเอาตัวพ่อบ้านมาเป็นผู้ต้องหาแทน แต่ถูกจับได้และไม่มีใครเชื่อจึงโกหกประเด็นนี้ไม่สำเร็จ
ส่วนพนักงานสอบสวนก็มีพฤติกรรมปล่อยปละละเลยปล่อยให้คดีตาม (1)-(3) ขาดอายุความ เพราะหากผู้ต้องหาไม่หนีออกนอกประเทศ เมื่อฟ้องคดีก็ต้องนำตัวส่งฟ้องต่อศาลได้ เมื่อคดีเข้าสู่ศาลก็ไม่มีเหตุที่จะได้รับความปราณีจากศาล เพราะคดีขับรถเร็ว ชนคนแล้วไม่หยุดช่วยเหลือ และเมาแล้วขับ ซึ่งจะเป็นเหตุทำให้ศาลไม่สามารถรอการลงโทษได้ ต้องติดคุกสถานเดียว
26 ก.ค. 2563
วันนี้มีความคืบหน้าจากกรณี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ “ บอส อยู่วิทยา ” เพจเฟซบุ๊ก CSI LA ได้ออกมาเผย โดยะบุว่า “ เอกสารลับที่คนวงในส่งมาครับที่อธิบายว่าทำไมนายบอสถึงรอด ”
โดย CSI LA อ้างว่า “ เป็นหนังสือคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการ ที่ตำรวจปั้นพยานขึ้นมาสองคนหลังเหตุเกิดไป8ปีแล้ว พยานให้การว่าเห็นนายดาบขับรถตัดหน้า ทำให้นายบอสไม่ถือว่าประมาทเลยสั่งไม่ฟ้อง ประเด็นอยู่ที่ฝ่ายนายบอสร้องขอความเป็นธรรม
แล้วอยู่ๆเดือนธันวาคม 2562 มีพยานโผล่มาสองคน ว่าขับรถตามกันมา ด้วยความเร็ว 80 กม.ต่อชม. ประเด็นอยู่ที่ฝ่ายนายบอสร้องขอความเป็นธรรม แล้วอยู่ๆเดือนธันวาคม 2562 มีพยานโผล่มาสองคน ว่าขับรถตามกันมา ด้วยความเร็ว 80 กม.ต่อชม. เอาคำให้การบุคคลมาหักล้างผลการตรวจทางวิทยาศาสตร์มันใช้ไม่ได้ ”
29 ก.ค. 2563
ภายหลังการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ครั้งที่ 1/2563 คดี “ บอส อยู่วิทยา ” ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( สตช. ) ตั้งขึ้น โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พร้อมด้วย พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สมชาย พัชรอินโต ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี ได้ชี้แจงรายละเอียดกรอบการพิจารณาตรวจข้อเท็จจริง
พล.ต.อ.ศตวรรษ กล่าวยอมรับว่า ความเห็นไม่แย้งคำสั่งของอัยการในคดีถือว่าคดีสิ้นสุดแล้วไม่สามารถแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงความเห็นได้อีก
ส่วนการพิจารณาความเห็นที่อัยการส่งมานั้น เป็นการพิจารณาความถูกต้องในข้อกฎหมาย และดูข้อเท็จจริง ทางตำรวจไม่มีอำนาจตรวจสอบความเห็นของอัยการหรือขอให้อัยการอธิบายเหตุผลของการสั่งคดีได้
เพราะเป็นการถ่วงดุลอำนาจในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ จะทำหน้าที่สืบหาข้อเท็จจริงว่า การใช้ดุพินิจของ พล.ต.ท.ทเพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แต่ไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะรื้อฟื้นหรือสืบสวนเพิ่มเติม เพราะคดีผ่านชั้นสืบสวนของตำรวจมาแล้ว
การประชุมครั้งนี้เป็นครั้งแรกเกี่ยวกับกระบวนการสืบหาข้อเท็จจริงในกระบวนการขั้นตอนดำเนินคดีอาญานายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ซึ่งมี 3 กรอบ ประกอบด้วย
1.การสอบสวนและความเห็นชั้นพนักงานสอบสวน
2.การสอบสวนเพิ่มเติมตามคำสั่งพนักงานอัยการ
3.การดำเนินการพิจารณาความเห็นตามป.วิอาญามาตรา 145/1
ทั้งนี้ได้มีการแบ่งหน้าที่ทำงานให้คณะกรรมการแต่ละส่วนรับไปดำเนินการ โดยเฉพาะรายละเอียดข้อเท็จจริง และบุคคลหรือพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตั้งแต่แรก โดยจะมีการประชุมทุกวันเพื่อพิจารณาในรายละเอียดเวลา 10.00 น.
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทุกระดับที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ในส่วนของตำรวจเข้ามาสอบถามในคณะกรรมการทุกท่าน โดยจะพิจารณาการดำเนินการของตำรวจที่รับผิดชอบตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการว่าได้ดำเนินการถูกต้อง ตามระเบียบหรือไม่
30 ก.ค. 2563
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2563 ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ เป็นประธานการประชุม
โดยได้เชิญ พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.สมชาย พัชรอินโต ผบช.สำนักงานกฎหมายและคดี มาให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการตำรวจ กรณีตำรวจ ไม่มีคำสั่งแย้งอัยการที่ไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทกระทิงแดง กรณีขับรถชนตำรวจสน.ทองหล่อ เมื่อปี 2555
นายนิโรธ เปิดเผย ภายหลังการประชุมว่า กมธ. ได้มีการสอบถามตำรวจในหลายกรณี ประกอบด้วย กรณีไม่สามารถเอาผิดข้อหาเมาแล้วขับ นายวรยุทธ เนื่องจากพนักงานสอบสวนไม่สามารถตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์หลังเกิดเหตุได้ทันที
เพราะผู้ต้องหาขับรถหลบหนีเข้าบ้าน ตำรวจทำได้เพียงล้อมบ้านไว้ กว่าจะได้หมายศาลไปตรวจค้นบ้าน นำตัวผู้ต้องหาไปตรวจแอลกอฮอล ก็เป็นเวลา 16.00 น. ซึ่งทิ้งเวลาจากตอนเกิดเหตุไปถึง 10 ชั่วโมง
และในวันเดียวกัน จากการที่ตำรวจชี้แจงกรณีไม่แย้งคำสั่งอัยการที่ไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดง ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต ว่า พนักงานสอบสวนให้ข้อมูลว่า ได้รับการยืนยันจากหมอฟันว่า สารที่ตรวจพบในร่างกายนายวรยุทธเป็นยาที่ให้ผู้ต้องหาในการรักษาฟันที่มีส่วนผสมของสารโคเคนอยู่ ทำให้ไม่สั่งฟ้องเรื่องสารเสพติด
จากนั้น ทางเพจทันตแพทย์ชื่อดัง “ ห้องทำฟันหมายเลข 10 ” ได้โพสต์ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า …

เรื่องนี้จะไม่แปลกถ้าเป็นเมื่อ ศตวรรษที่ 18 หมอฟันคนนั้นต้องนั่งไทม์แมชชีนมาแน่นอน
หนึ่งในยาที่ใช้มากที่สุดในทางทันตกรรม คือ ยาชา โดยยาชาตัวแรกที่นำมาใช้ทางการแพทย์ คือ โคเคน ( cocaine ) ในปี ค.ศ. 1859 ( 150 ปีมาแล้ว!!! ) แต่ด้วยข้อเสียของโคเคนที่มีระยะเวลาการออกฤทธิ์สั้น และมีฤทธิ์เสพติด จึงมีการพัฒนายาที่มีสูตรโครงสร้างคล้ายโคเคน ชื่อ Procaine ขึ้นในปี ค.ศ. 1904
แต่ในปี ค.ศ. 1948 มีการนำยาชาที่มีสูตรโครงสร้างต่างไปจาก cocaine และ procaine ได้แก่ lidocaine และมียาชาที่พัฒนาต่อเนื่องตามมาได้แก่ mepivacaine ( ค.ศ. 1965 ) prilocaine ( ค.ศ. 1983; ยาชนิดนี้ไม่มีใช้ในประเทศไทย ) และ articaine ( ค.ศ. 2000 )
โดยยาชาทั้งสามกลุ่มนี้มีสูตรโครงสร้างคนละแบบกับโคเคน รวมทั้งกระบวนการขับยาออกจากร่างกายก็ได้สารเคมีคนละกลุ่มกับโคเคน
คุณยังสามารถติดตามข่าวที่น่าสนใจได้ที่ สถานทูตฯอียิปต์แจงนักศึกษาไทยวัย 26 ปีเสียชีวิต และถ้าคุณอยากที่จะทำอาหารแล้วยังคิดไม่ออกว่าวันนี้จะกินอะไรก็สามารถเข้าไปดู 4 สูตรเด็ด สำหรับทำน้ำพริกกะปิ ได้แล้วเว็บยังมีเมนูที่น่ากินมากมายให้คุณได้เลือกสรร